กฎแห่งการหว่าน: Harvesting Law



วันนี้ผมได้พูดคุยกับนักธุรกิจท่านหนึ่ง ท่านผู้นี้เคยล้มลุกคลุกคลาน เกลือกกลิ้งอยู่ในโลกธุรกิจแห่งความจริงมานาน จนปัจจุบันประสบความสำเร็จ สามารถใช้ชีวิตในแบบที่เขาอยากจะใช้ได้แล้ว ผมได้ข้อคิดดีๆหลายข้อ สำหรับวันนี้ผมอยากจะแชร์เรื่อง “กฎแห่งการหว่าน” ให้ทุกคน สงสัยหรือปล่าวครับว่าไอ้กฎนี้มันคือกฎอะไร เราไปศึกษากันดูเลย
กฎแห่งการหว่านประกอบด้วยกัน 3 ข้อ
ข้อที่หนึ่ง เราหว่านอะไรลงไป เราจะได้ผลอย่างนั้น
เมื่อชาวนาหว่านเมล็ดข้าวลงในท้องนา สิ่งที่จะเติบโตขึ้นมาก็คือต้นข้าว เมื่อคนสวนหว่านเมล็ดแตงโมลงในสวนของเขา สิ่งที่จะเติบโตขึ้นมาก็ต้องเป็นแตงโม ไม่ว่าโลกจะร้อนขึ้นสักเท่าใด ไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าตลาดหุ้นจะวิ่งขึ้นเหมือนกระทิง หรือไข้หวัด 2009 จะแพร่ระบาดไปในทุกจังหวัดของประเทศ ไม่มีวันที่คนหว่านเมล็ดแตงโม จะได้ทุเรียนหรือแคนตาลูปอยู่ในสวน ไม่มีทางที่ชาวนาที่หว่านเมล็ดข้าวจะเจอมันสัมปะหลังในท้องนา ฉันใดก็ฉันนั้น บุคคลที่ตั้งใจและทบทวนหนังสือเรียนทุกวัน บุคคลนั้นก็ต้อง เข้าใจในเนื้อหามากกว่าคนที่ไม่ได้ใส่ใจในการเรียนหนังสือ ผู้คนที่สนใจเรื่องธุรกิจและได้ทำการศึกษา หาข้อมูล และฝึกฝน ย่อมได้ความรู้และประสบการณ์ในเรื่องนี้ มากกว่าคนที่ กลับบ้าน เปิดทีวี และดูทีวีอยู่อย่างนั้นจนเขาเข้านอน เราหว่านความบันเทิงเราก็จะได้ความรู้เกี่ยวกับความบันเทิง เราหว่านการฝึกฝน เล่นกีฬาเทนนิส เราก็ได้เป็นนักแข่งเทนนิสกีฬาโรงเรียน หรือกีฬาจังหวัด หรืออาจจะได้เป็นเหมือนน้องนพวรรณ เลิศชีวกานต์ หรือ ‘น้องนก’ ที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในตอนนี้ เราหว่านการฝึกฝนการทำธุรกิจ เราก็จะได้ประสบการณ์ ความสามารถในการสร้างทรัพย์สินให้ตัวเองในอนาคต
ข้อที่สอง เวลาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของการเจริญเติบโต
สมัยเด็กๆ ผมชอบเล่นปลูกถั่วเขียว หลายๆคนก็คงจะเคยปลูกถั่วเขียวจากที่โรงเรียน สิ่งที่ทำให้ผมชอบปลูก ถั่วเขียว เพราะว่าถั่วเขียวนั้นปลูกปุ๊ป ก็ขึ้นปั๊ป มีรากงอกออกมาให้ผมเห็น ให้ผมชื่นใจ ไม่ต้องรอเป็นเดือนๆ สำหรับคนที่เคยปลูกถั่วเขียวก็คงทราบว่าสุดท้ายแล้ว ถั่วเขียวที่เราปลูกจะไปอยู่ที่ไหน ถังขยะไงครับ เราใช้ประโยชน์อะไรมันไม่ค่อยได้ (นอกเสียจากว่ามีคะแนนไปส่งอาจารย์) เปรียบเทียบการปลูกถั่วเขียวกับการปลูกต้นแอปเปิ้ล ต้นส้ม หรือการฝึกซ้อมเทนนิส การเรียนรู้การทำธุรกิจ การศึกษาเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เราไม่มีทางที่จะเห็นผลที่เกิดจากเมล็ดที่เราหว่าน ภายในวัน หรือสองวันเหมือนที่เราปลูกถั่วเขียว ระยะเวลาอาจจะเป็นเดือน เป็นปีหรือเป็น 10 ปี น้องนก เริ่มต้นเล่นเทนนิสตอนอายุ 5 ขวบ ที่เชียงใหม่ ตอนนี้เธออายุ 17 ขวบ คนไทยทุกคนและน้องนพวรรณเอง เริ่มเห็นต้นไม้ซึ่งเกิดจากเมล็ดพันธุ์ที่น้องนกและพ่อ แม่ของน้องนกได้หว่านไว้เมื่อ 13 ปีก่อนแล้ว
ข้อที่สาม เราจะได้สิ่งที่มากกว่าสิ่งที่เราหว่านเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นถั่วเขียวที่เราปลูก หรือต้นแอปเปิ้ล สิ่งที่เราได้หว่านไปแล้ว ถ้าเราเอาใจใส่มัน สิ่งๆนั้นจะงอกเงยออกดอกผลให้ผู้ที่ลงแรง มากกว่าสิ่งที่เขาได้ทุ่มเทลงไปเสมอ ต้นแอปเปิ้ลซึ่งเกิดจากเมล็ดแอปเปิ้ลหนึ่งเมล็ด สามารถจะงอกเงย เติบโตเป็นต้นแอปเปิ้ลที่สูงใหญ่ ออกผลแอปเปิ้ลให้ผู้ที่ได้ปลูกไว้เป็นร้อยๆผล และที่สำคัญต้นแอปเปิ้ลนั้นจะออกผลแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆเป็นเวลาหลายสิบปี สิ่งที่เราได้หว่านคือเมล็ดหนึ่งเมล็ด (อาจจะหลายเมล็ดหน่อย ถ้าอยากจะกันเหนียวนะครับ ;) ) แต่สิ่งที่เราได้กลับมาคือเครื่องจักรผลิตผลแอปเปิ้ลที่ไม่มีวันหมด นคือกฎข้อที่สามของการหว่าน
เราจะได้สิ่งที่มากกว่าสิ่งที่เราหว่านเสมอ คุณเจริญ สิริวัฒนภักดีหว่านเหงื่อ และเวลาเกือบครึ่งชีวิตของเขาไปกับการทำงาน ประกอบธุรกิจ ตอนนี้เมล็ดจากการหว่านของคุณเจริญได้เติบใหญ่เป็นป่าแห่งธุรกิจเกือบครอบคลุมประเทศไทย คุณหม่ำ จ๊กม๊ก หรือ สมชาย วงศ์คำเหลา หว่านชีวิตของตนเองลงใน วงการตลกของเมืองไทย ได้ล้มลุกคลุกคลาน (และกลิ้งไปมาหลายตลบ) จนสามารถสร้างหนังที่ทำรายได้หลายร้อยล้านได้ และตอนนี้ใครจะรู้ว่าน้องนก นพวรรณ วันหนึ่งอาจจะไปยืนอยู่หน้าประวัติศาสตร์เทนนิสหญิงเคียงข้างกับ Steffi Graf (สเต็ฟฟี่ กร๊าฟ) ก็ได้

กฎแห่งการหว่านนี้คือกฎธรรมชาติ มนุษย์เราได้เรียนรู้และใช้กฎนี้ให้เป็นประโยชน์มาตั้งแต่สมัยช้าง แมมม้อตยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ มนุษย์เรามีการปลูกฝัก ผลไม้ไว้ในฤดูใบไม้ร่วง เพื่อที่จะเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูใบไม้ผลิในปีต่อไป แต่มีเพียงช่วงหลังๆนี้แหละ ที่เทคโนโลยี การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การสัมมนาต่างๆ พยายามชักจูงคนให้มีความคิดเกี่ยวกับการ “รวยทางลัด” หรือที่ฝรั่งเรียกว่า Get Rich Quick! ขึ้นมา ซึ่งข้อคิดนี้เอง ที่ทำให้หลายๆคนอยากจะฝืนกฎแห่งการหว่านนี้ บุคคลที่อยากจะประสบความสำเร็จโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเงินทอง ทางด้านชื่อเสียง หรือ อื่นๆ โดยไม่คำนึงถึงกฎแห่งการหว่าน ผมขอตั้งข้อสังเกตไว้ข้อหนึ่งว่า จะมีสิ่งเดียวที่สามารถจะเกิดขึ้นกับคนที่ฝืนกฎธรรมชาตินี้ ซึ่งก็คือ
ความทุกข์ใจครับ ดังนั้นถ้าไม่อยากทุกข์ใจก็ใจเย็นๆและค่อยๆหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสำเร็จ และเอาใจใส่มันไปเรื่อยๆครับ เดี๋ยววันหนึ่งเราก็จะมีป่าแอปเปิ้ลเป็นของเราเอง
แล้ววันนี้คุณเริ่ม “หว่าน” อะไรให้ชีวิตคุณแล้วหรือยัง?

ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
nan กล่าวว่า
เคยปลูกถั่วแล้วทิ้งไปเหมือนกัน
บาปกรรมคงจะมีจริง ตอนนี้ยังหว่านอะไรไม่ขึ้นเลย
ขอเป็นกำลังใจให้เขียน blog ต่อไปนะคะ
อ่านแล้วชอบ blog นี้มาก
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
ผมเห็นด้วยนะครับ ที่ว่า ถ้าเราพยายามที่จะฝืนกฎของธรรมชาติ โดยหวังที่จะรวยทางลัด นอกจากจะทุกข์ใจแล้ว ยังอาจทำให้คนอื่นต้องลำบากด้วย

แม้ต้องใช้เวลา แต่เราก็รู้ว่าคุ้มค่ากับการรอคอย ถ้าวันนี้ผมว่านเม็ดความฝัน อีกไม่นานเกินรอมันคงโต ตามความเหมาะสมกับสิ่งที่เราใส่ลงไป
Sala-Paopao กล่าวว่า
อ่านแล้วมีกำลังใจในการที่เราจะพยายามจะทำอะไรสักอย่างจังเลยค่ะอาจารย์...เป่า
พอดี กล่าวว่า
อ่านแล้วมีกำลังใจ...

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วาทะ Jack Ma สวนมวยสหรัฐ ใน World Economic Forum 2017

เราย้ายเว็บไซต์ไปอยู่ที่ Gowinidea.com แล้วนะครับ

นิสิตของผมชนะการแข่งขัน Global Innovation Tournament ที่ Stanford University, USA !